ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซ์กระทรวงการต่างประเทศ
สุนทรพจน์จาก ดร. แอ็นสท์ ไรเชิล เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เนื่องในโอกาสวันชาติเยอรมนี ปี 2568
เรียน ฯพณฯ รัฐมนตรีสีหศักดิ์
อดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐา
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา
ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษที่เคารพ และเพื่อน ๆ ที่รักทุกท่าน
ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับทุกท่านในค่ำคืนนี้ เพื่อเฉลิมฉลอง “วันแห่งการรวมชาติเยอรมนี” วันนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการระลึกถึงการรวมชาติเยอรมนีเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ดี ในการสะท้อนถึงคุณค่าที่เรามีร่วมกัน นั่นคือ เสรีภาพ ประชาธิปไตย และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คุณค่าที่เชื่อมโยงพวกเราทุกคนอย่างไร้พรมแดนขวางกั้น ในปีนี้ การเฉลิมฉลองที่ประเทศเยอรมนีจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “อนาคตผ่านการเปลี่ยนแปลง” และผมขอหยิบยกแนวคิดนี้มาใช้ในการเฉลิมฉลองร่วมกันของเราที่นี่ในวันนี้ด้วยเช่นกัน
เส้นทางสู่การรวมชาติของเยอรมนี และการสิ้นสุดลงของการเผชิญหน้าในยุคสงครามเย็น (ที่บางท่านอาจมองว่าเป็นเพียงชั่วคราว) ถือเป็นแบบอย่างที่ชี้ชัดว่า การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีสามารถเกิดขึ้นได้จริง ซึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญในครั้งนั้น เกิดจากเจตจำนงอันแน่วแน่และแรงกล้าของประชาชนชาวเยอรมนีตะวันออก ที่ปรารถนาเสรีภาพ อนาคตที่รุ่งโรจน์ และการหลุดพ้นจากการครอบงำของสหภาพโซเวียต และเป็นเจตจำนงที่ประชาชนของประเทศที่เคยเป็นสมาชิกสนธิสัญญาวอร์ซอมีเช่นเดียวกัน อันที่จริง การรวมชาติของเยอรมนีคงมิอาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจากเจตจำนงแห่งเสรีภาพและการเลือกกำหนดชะตาชีวิตด้วยตนเองของมิตรและเพื่อนบ้านในยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก และเจตจำนงเดียวกันนี้เอง ที่ผลักดันประชาชนชาวยูเครนให้ยืนหยัดต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียอย่างเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าจะโดยการสละชีวิตอยู่แนวหน้า หรือการต้องทนทุกข์กับการทิ้งระเบิดอย่างไม่เลือกเป้าหมายในเมืองของตน
สถานการณ์ทางการเมืองโลกได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และสงครามรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นเพียงหนึ่งในนั้น แต่นอกเหนือจากนี้ โลกกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความพลิกผันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ ไม่ว่าจะในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม หรือการค้า ทุกท่านคงทราบดีว่าผมกำลังหมายถึงอะไร ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ ภาวะโลกร้อน การกีดกันทางการค้า หรือการแสวงหาผลประโยชน์จากการผูกขาดเชิงโครงสร้างในระบบการค้าระหว่างประเทศ
เมื่อถามว่าการตอบสนอง (หรือคำตอบ) ของเรานั้นควรจะเป็นอย่างไร ผมเชื่อว่าคำตอบก็ยังคงเป็นเช่นเดิม นั่นคือ “การเปลี่ยนแปลง” ซึ่งขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่ต้องก้าวขึ้นมารับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ เหล่านี้ มิใช่ด้วยการต่อต้าน แต่ด้วยการปรับตัว และชี้นำทิศทางของการพัฒนา โดยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการปกป้องหลักการ อุดมการณ์ และคุณค่าที่เรายึดถือร่วมกัน พร้อมทั้งปฏิรูปและปรับปรุงการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของเราให้ทันสมัย สามารถแข่งขันได้ โดยยังคงเป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากประชาชน
ผมเชื่อว่าความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมนวัตกรรมนี้ จะเป็นกุญแจสำคัญต่ออนาคตของไทยและเยอรมนี และเป็นสิ่งที่จะทำให้สองประเทศของเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากยิ่งขึ้น ตลอดระยะเวลา 163 ปีแห่งความสัมพันธ์ทวิภาคี มิตรภาพระหว่างสองประเทศของเราเติบโตอย่างมั่นคง และปัจจุบัน ตั้งอยู่บนเสาหลักแห่งความร่วมมือหลายด้าน ไม่ว่าจะทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน
ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน
ผมได้กล่าวถึงภูมิทัศน์ทางการเมืองไปแล้ว แต่ความร่วมมือระหว่างเรายังได้รับการขับเคลื่อนผ่านการค้า การลงทุน และนวัตกรรม โดยบริษัทเยอรมันหลายร้อยแห่ง ที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศไทย ในขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจของไทยก็มีบทบาทในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของเยอรมนี และด้วยความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรปและไทย โอกาสในการยกระดับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทย ยุโรป และเยอรมนีก็กำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ
ทั้งประเทศเยอรมนี ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และประเทศไทยต่างมีศักยภาพที่จะเกื้อหนุนกันและกันได้อย่างดี ทั้งสองประเทศต่างให้ความสำคัญทางเศรษฐกิจกับอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออก ซึ่งทำให้ทั้งคู่เป็นคู่ค้าทางธุรกิจที่เหมาะสมอย่างแท้จริง จากความท้าทายหลายประการที่ผมได้หยิบยกมาก่อนหน้านี้ ผมขอเน้นย้ำว่า ประเทศไทยจะพบกับคู่ค้าที่ยุติธรรม เชื่อถือได้ และพร้อมร่วมมือ ทั้งจากสหภาพยุโรปและเยอรมนี ในการสร้างผลประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง โดยปราศจากการครอบงำการสร้างและพัฒนาความร่วมมือระหว่างพันธมิตรระดับโลก จึงไม่เพียงเป็นคำตอบต่อภัยคุกคามทางภูมิรัฐศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นทางออกต่อความพลิกผันในระบบเศรษฐกิจและการค้าอีกด้วย
เมื่อเราหันมามองประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยั่งยืน เยอรมนีเป็นพันธมิตรระดับทวิภาคีที่สำคัญที่สุดของไทยด้านนโยบายสภาพภูมิอากาศ หนึ่งในความร่วมมือที่สำคัญคือ โครงการความร่วมมือไทย–เยอรมันด้านพลังงาน คมนาคม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปีนี้ กระทรวงพลังงานของทั้งสองประเทศได้จัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงานไทย-เยอรมนี ขึ้น พร้อมลงนามในแถลงการณ์แสดงเจตจำนงร่วม การเจรจาครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานและภูมิอากาศร่วมกัน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
ขณะที่เรารำลึกถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของวันรวมชาติเยอรมนี ขอให้เรามองไปสู่อนาคตที่ความร่วมมือระหว่างประเทศของเราทั้งสองยังคงเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการร่วมมือกัน เราสามารถรับมือกับความท้าทายระดับโลก ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน และร่วมกันสร้างโลกที่เคารพค่านิยมพื้นฐานของมนุษยชาติ พร้อมมอบอนาคตที่สดใสแก่ลูกหลานของเรา ผ่านพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง
ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน
ผมได้กล่าวถึงภาคธุรกิจและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของเรามาแล้ว ผมขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณผู้สนับสนุนงานวันนี้ ได้แก่ บริษัทไบเออร์ไทย, บีเอมดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย, บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์, บริษัท เลสชาโก้ (ประเทศไทย), เบียร์สิงห์ และฮาริโบ้ สำหรับการสนับสนุนอย่างดี ด้วยความร่วมมือจากผู้สนับสนุนเหล่านี้ เราจึงสามารถจัดงานในสถานที่อันงดงามแห่งนี้ พร้อมจัดเตรียมอาหารและขนมเยอรมันให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง ขอขอบคุณสำหรับความร่วมมือและการสนับสนุนของท่านเป็นอย่างยิ่ง
และขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานฉลองในวันนี้
ขณะนี้ ขอเรียนเชิญท่านสีหศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ขึ้นมากล่าวสุนทรพจน์ในลำดับถัดไป